วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สรุปหลักการใช้ Present simple tense, Past simple tense และ Question word


หลักการใช้ Present Simple Tense (ปัจจุบันกาลปกติ) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Present Simple Tense

Subject + Verb1

หลักการใช้ Present Simple Tense

  1. ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หรือ เกิดขึ้นเป็นประจำซ้ำไปซ้ำมา เช่น
I drink a lot of water. (ฉันดื่มน้ำเยอะ)
  1. ใช้กับการกระทำที่ ทำจนเป็นอุปนิสัย หรือ ใช้เพื่อแสดงความถี่ของการกระทำต่างๆ โดยเรามักใช้กับ คำกริยาวิเศษณ์แสดงความถี่ (Adverbs of Frequency) มาช่วยในการแสดงความถี่ของการกระทำ เช่น

I always do my homework. (ฉันทำการบ้านของฉันเสมอ)
*อย่างไรก็ตามประโยคที่มี คำกริยาวิเศษณ์แสดงความถี่ (Adverbs of Frequency) นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็น Present Simple Tense เสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ประโยคนั้นกล่าวถึง การกระทำในช่วงเวลาใด เช่น
I usually went to a museum. (Past Simple Tense)
I will always love you. (Future Simple Tense)
  1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เป็นความจริงตลอดไป (fact) หรือ เป็นกฎทางธรรมชาติ (natural law) โดยไม่จำเป็นว่าการกระทำนั้นๆ กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดหรือไม่ เช่น

Snow is white. (หิมะมีสีขาว)
  1. ใช้เมื่อต้องการพูดถึง ตารางเวลา (Schedule) หรือ แผนการ (Plan) ที่ได้วางไว้ เช่น

The meeting starts from 8.30 am until 10.00 pm.
(การประชุมเริ่มตอนแปดโมงครึ่งตอนเช้าไปยังสี่ทุ่ม)
  1. ใช้ในการ แนะนำ บอกแนวทาง หรือ สอน เช่น

How do I get to the nearest mall? Go straight and turn left on the next corner.
(ฉันจะไปยังห้างที่ใกล้ที่สุดได้อย่างไร เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมข้างหน้า



วิธีการสร้างประโยค Present Simple Tense

โครงสร้าง
Subject + Verb1
ประโยคบอกเล่า
I / You / We / They
eat
seafood.
He / She / It
knows
about you.
โครงสร้าง
Subject + do/does + not + Verb1
ประโยคปฏิเสธ
I / You / We / They
do
not
eat
seafood.
He / She / It
does
not
know
about you.
โครงสร้าง
Do/Does + Subject + Verb1?
ประโยคคำถาม
Do
I / you / we / they
eat
seafood?
Does
he / she / it
know
about you?
โครงสร้าง
Who/What/Where/When/Why/How + do/does + Subject +Verb1?
ประโยคคำถาม 
Wh-
Why
do
I / you / we / they
eat
seafood?
What
does
he / she / it
know
about you?
 *คำปฏิเสธรูปย่อของ do/does not คือ don’t และ doesn’t

Past Simple Tense ใช้แสดงถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตและได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยมีโครงสร้างประโยคดังนี้

Subject + verb ช่องที่ 2

หลักการใช้ Past Simple Tense
1. ใช้แสดงถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและสิ้นสุดลงแล้ว โดยจะระบุเวลาไว้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น
- Mark arrived at 7 o'clock yesterday.
- Joe bought a new car last week.
- The train stopped five minutes ago.
- They studied French last term.
2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่เป็นนิสัยหรือเกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต แต่ไม่ได้เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน มักมี adverbs of frequency ที่แสดงความบ่อยรวมอยู่ในประโยคเช่น always, usually, often, every........เป็นต้น และต้องมีคำบอกเวลาในอดีตแสดงไว้ด้วย ตัวอย่างเช่น
- It often rained last week.
- He always played tennis last year.
- Jim drank coffee every two hours last night.
- They swam every evening last year.
3. ใน Past Simple Tense สามารถใช้ used to +คำกริยาช่องที่ 1 (เคย) แสดงถึงการกระทำที่กระทำอยู่ หรือที่เป็นอยู่เป็นประจำในอดีต ตัวอย่างเช่น
- Sam used to travel to Japan on business.
- She used to work here.
- They used to live in Chiang Mai.
หลักการเปลียนคำกริยาให้เป็น Past Tense
การเปลี่ยนรูปคำกริยาเป็น past tense มี 2 วิธี คือ
1, การเติม ed ที่ท้ายคำกริยาช่องที่ 1 (Regular Verb)
2. คำกริยาที่เปลี่ยนรูปใหม่ ( Irregular Verb)
หลักการเติมเติม ed ที่ท้ายคำกริยามีดังนี้
1.คำกริยาโดยทั่วไปเมื่อเปลี่ยนเป็นคำกริยาช่องที่ 2 ให้เติม ed ได้เลย เช่น
clean - cleaned
help - helped
watch - watched
2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e อยู่แล้ว ให้เติม d ได้ทันทีเช่น
like - liked
bake - baked
live - lived
3. คำกริยาที่เป็นพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดตัวท้ายอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วจึงเติม ed เช่น
stop - stopped
fit - fitted
plan - planned
4. คำกริยาที่มี 2 พยางค์ ออกเสียงเน้นหนักพยางค์หลังให้เพิ่มตัวสะกดตัวท้ายอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วจึงเติม ed
prefer - preferred
control - controlled
5. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย yและหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วจึงเติม ed เช่น
study - studied
cry - cried
carry - carried
แต่ถ้าหน้า y เป็นสระให้เติม ed ได้เลย เช่น
play played
stay - stayed
การทำเป็นประโยคคำถาม 
1. ให้สังเกตว่าในประโยคมีกริยาช่วยหรือไม่ ถ้ามีให้นำกริยาช่วยมาวางไว้หน้าประโยคและใส่ เครื่องหมาย ?(question mark)ดังนี้
- He was in the bathroom five minutes ago.
Was he in the bathroom five minutes ago?
Yes, he was./No,he wasn't.
2. ถ้าในประโยคนั้นไม่มีกริยาช่วย ให้ใช้ did มาช่วย ( ประธานทุกตัวใช้ did) โดยนำ did มาวางไว้หน้าประโยค ตามด้วยประธานและกริยาต้องอยู่ในรูปเดิม( ช่องที่ 1) ท้ายประโยคใส่เครื่องหมาย?(question mark)
Cathy lived with her parents.
Did Cathy live with her parents?
Yes, she did. / No, she didn't.
การทำให้เป๋นประโยคปฏิเสธ
1. ถ้าในประโยคมีกริยาช่วยให้ใส่ not หลังกริยาช่วยนั้น เช่น
I was tired.
I was not tired หรือ I wasn't tired.
2. ถ้าไม่มีกริยาช่วยให้ใช้ did มาช่วย (ประธานทุกตัวใช้ did) แล้วใส่ not หลัง did และกริยาช่องที 2 ต้องเปลี่ยนเป็นกริยาช่องที่ 1
Ben danced yesterday.
Ben did not(didn't) dance yesterday.
Angela saw the denteist last week.
Angela did not (didn't) see the dentist last week. 

หลักการใช้ Question Words

Question words
 Question words คือ คำแสดงคำถาม เป็นคำประเภทสรรพนามคำถาม ใช้วางไว้หน้าประโยคเพื่อทำให้เป็นประโยคคำถาม
โครงสร้าง         Question words + กริยาช่วย + subject + Verb

การใช้ Question words
Question words                                          Examples
What อะไร
  1. ปกติใช้ถามถึงสิ่งของ
  2.  ถามเกี่ยวกับอาชีพของบุคคล
  3. ถ้าเป็นคุณศัพท์ที่ใช้แทนได้ทั้งบุคคลและสิ่งของ


  1. What is that on the table?
             อะไรที่อยู่บนโต๊ะ 
  1. What is Ladda?
            ลัดดาทำอาชีพอะไร
     Ladda is a teacher
             ลัดดาเป็นครู
  1. What book are you read?
             คุณอ่านหนังสืออะไร
 Which คนไหน หรือ อันไหน
  1. ใช้รูป Which of เพื่อถามถึงคน สัตว์ สิ่งของที่มากกว่า 1
  1. ใช้เป็นคุณศัพท์ประกอบนามเพื่อถามถึงคน สัตว์ สิ่งของที่มากกว่า 1


  1. Which of the three cars do you prefer?
       ในรถทั้ง 3 คันนี้คุณชอบคันไหน
  1. Which pen did you buy last week?
ปากกาด้ามไหนที่คุณซื้อมาสัปดาห์ก่อน
    Which tennis player do you like?
นักเทนนิสคนไหนที่คุณชื่นชอบ 
 Who ใคร
  1. ใช้ถามถึงคนนั้น เป็นประธานได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์
  2. ถ้าในประโยคไม่มีกริยาช่วย ให้ตามด้วยกริยาแท้ได้



  1. Who will cut the tree?
           ใครจะตัดต้นไม้
  1. Who buy this car?
              ใครซื้อรถคันนี้






การใช้  Question words

Question words                                          Examples
 Whom ใคร
  1. ใช้ถามถึงคนที่เป็นผู้ถูกกระทำ
  2. ในภาษาพูดสามารถใช้ who แทนได้
  1. ถ้าไม่มีกริยาช่วย ให้นำ Verb to do เข้ามาช่วย


  1. Whom did you see?
         คุณเห็นใคร
  1. Who did you see?
         คุณเห็นใคร
  1. Whom did you speak to?
          คุณพูดกับใคร


 Whose ของใคร
  1. ใช้ถามถึงเจ้าของสิ่งของที่เป็นคนเท่านั้น เป็นได้ทั้งเอกพจน์ และพหูพจน์
  1. ใช้เป็นคุณศัพท์ประกอบนาม




  1. Whose is this house?
          บ้านหลังนี้เป็นของใคร
  1. Whose are those horses?
           ม้าเหล่านั้นเป็นของใคร
  1. Whose car is this?
           รถคันนี้เป็นของใคร



 Where ที่ไหน
  1. ใช้ถามถึงสถานที่ เป็นกริยาวิเศษณ์ ไม่สามารถใช้เป็นคุณศัพท์ได้





  1. Where did he go?
เขาไปที่ไหน
  1. Where do you live?
คุณอาศัยอยู่ที่ไหน





การใช้  Question words

Question words                                          Examples
 When เมื่อไหร่
  1. เป็นกริยาวิเศษณ์ เพื่อใช้เป็นประธานประโยค ใช้เป็นคุณศัพท์ไม่ได้
  1. อาจเรียง when ไว้หลังบุพบทเชื่อมความก็ได้


  1. When will she come here?
            เธอจะมาที่นี่เมื่อไหร่
  1. When can you go to see her?
            คุณสามารถไปพบเธอได้เมื่อไหร่
  1. Since when has he stayed here?
            เขาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่

 Why ทำไม
  1. ใช้ถามเพื่อทราบเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เป็นกริยาวิเศษณ์ได้อย่างเดียว
  1. การตอบนิยมใช้ because




  1. Why did she do like that?
           ทำไมเธอจึงทำเช่นนั้น
  1. Why does he buy that book?
           ทำไมเขาซื้อหนังสือเล่มนั้น
Because he wants to know about Masha.
          เพราะว่าเขาต้องการรู้เรื่องของมาช่า


 How อย่างไร
  1. ใช้ถมเกี่ยวกับลักษณะอาการ
  2. ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการทำงาน
  3. ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการเดินทาง
  1. คำตอบมักมี by อยู่ด้วย






  1. How do you do?
คุณสบายดีหรือไม่
  1. How did you build your house?
คุณสร้างบ้านของคุณอย่างไร
  1. How does she come to work?
เธอมาทำงานได้อย่างไร
  1. She comes to work by train
เธอมาทำงานโดยรถไฟ




การใช้  Question words

Question words                                          Examples
 How much มากเท่าไร
  1. ใช้ถามปริมาณมากน้อยของนามนับไม่ได้
  1. ใช้ถามราคาหรือน้ำหนักของนามนับได้



  1. How much money do you have?
             คุณมีเงินอยู่เท่าไหร่
  1. How much does this meat weight?
              เนื้อนี้หนักเท่าไหร่ 



 How many มากเท่าไร
  1. ใช้ถามถึงปริมาณมากน้อยของนามนับได้
  1. นามที่อยู่หลัง how many ต้องเป็นพหูพจน์เท่านั้น




  1. How many dogs do you have?
คุณมีสุนัขกี่ตัว
  1. How many players are there?
มีผู้เล่นอยู่ที่นั่นกี่คน




 How long ยาวเท่าไร
  1. ใช้ถามเกี่ยวกับระยะเวลา
  2. ใช้ถามเกี่ยวกับความยาว





1. How long have you been in USA?
คุณอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกานานเท่าไหร่แล้ว
2. How long is this river?
แม่น้ำสายนี้ยาวเท่าไหร่ 





การใช้  Question words

Question words                                          Examples
 How far ไกลเท่าไร
  1. ใช้ถามเกี่ยวกับระยะทาง
  1. ใช้ถามเกี่ยวกับความไกล







  1. How far is his office?
ที่ทำงานของเขาอยู่ไกลแค่ไหน
  1. How far is it from Ladda’s house to yours?
บ้านของลัดดาอยู่ห่างจากบ้านคุณไกลแค่ไหน



 How old อายุเท่าไร
  1. ใช้ถามอายุของคน สัตว์ สิ่งของ



  1. How old are you?
คุณมีอายุเท่าไหร่
  1. How old is this cat?
 แมวตัวนี้อายุเท่าไหร่






 How tall สูงเท่าไร
  1. ใช้ถามถึงความสูงของคนและสิ่งที่สูงไม่มากนัก






  1. How tall is he?
เขาสูงเท่าไหร่
  1. How tall is this building?
ตึกนี้สูงเท่าไหร่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น